เร่งสร้างที่อยู่ชาวริมคลอง ลงเสาเอกชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ 7 เม.ย.

14 เม.ย. 2559 | 02:00 น.
"โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง" เป็นอีกเรื่องเร่งด่วน ตามนโยบายรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาการรุกล้ำคูคลอง และกีดขวางทางระบายน้ำ ที่รัฐบาล"บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เห็นชอบให้ขับเคลื่อน โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2559 เห็นชอบให้ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์กรมหาชน) (พอช.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองตามโครงการบ้านมั่นคง ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (พ.ศ. 2559 - 2561)

[caption id="attachment_43653" align="aligncenter" width="700"] แผนปฏิบัติการปี 2559 - 2560 แผนปฏิบัติการปี 2559 - 2560[/caption]

เป้าหมาย 74 ชุมชน รวม 11,004 ครัวเรือน ประมาณ 64,869 คน ใช้งบประมาณรวม 4,061 ล้านบาทเศษ แบ่งเป็น 1.งบสนับสนุนสาธารณูปโภคและที่อยู่อาศัย 880 ล้านบาท 2.ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบและเสียโอกาส 880 ล้านบาท 3.สนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย 2.2 พันล้านบาท และ 4.สำรวจและจัดทำฐานข้อมูลเพื่อพัฒนาองค์กรชาวบ้าน และติดตามประเมินผล 100 ล้านบาท

หลังจากมติ ครม.ดังกล่าว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ทำความเข้าใจ และได้ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำอย่างต่อเนื่อง อาทิ บริเวณชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ 54 นำโดย ร.2 พัน 1 รอ.เขตสายไหม และบริเวณชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา โดยหน่วยสนับสนุนกำลังพล ร.11 พัน 2 รอ.เขตหลักสี่ เป็นต้น ซึ่งในปี 2559 นี้ ตั้งเป้าดำเนินการนำร่อง "ลาดพร้าวโมเดล" ใน 2 พื้นที่ชุมชนริมคลอง คือ คลองลาดพร้าว และคลองเปรมประชากรก่อน

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของ "ฐานเศรษฐกิจ" ล่าสุด มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา พล.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ซึ่งเข้าหารือกับ "บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เห็นควรให้เร่งรัดเดินหน้าโครงการนี้ โดยสั่งให้ปรับแผนดำเนินการจาก 3 ปี ลดเหลือ 1 ปีครึ่ง หรือ 18 เดือน

นายพลากร วงค์กองแก้ว ผู้อำนวยการ พอช. ระบุถึงแนวทางดำเนินการมี 3 แนวทาง คือ ปรับปรุงพื้นที่เดิมโดยขยับขึ้นมาจากคลอง ย้ายสร้างชุมชนใหม่ในที่ดินใหม่ และให้ชุมชนดำเนินการซื้อ/เช่า ที่ดินในลักษณะของสหกรณ์ หรือย้ายไปอยู่การเคหะฯ โดยมีมาตรการช่วยเหลือที่หลากหลายเพื่อให้สอดรับกับความต้องการ อาทิ ทำในลักษณะให้เช่าที่ดินกรมธนารักษ์เป็นเวลา 30 ปี รัฐช่วยเหลืองบพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆ รวมถึงงบอุดหนุนเพื่อที่อยู่อาศัย จัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำในการก่อสร้างบ้าน และจัดหาที่พักชั่วคราวระหว่างรอการก่อสร้างให้ ล่าสุดได้นำแนวทางประชารัฐเข้ามาขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาพื้นที่ซึ่งมีอัตลักษณ์เฉพาะ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว จัดทำตลาดน้ำเพื่อสร้างรายได้ เป็นต้น

เบื้องต้นแผนการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าว 43 ชุมชน รวม 7,314 ครัวเรือน ความยาวรวม 31.9 กิโลเมตรนั้น จากรายงานระบุถึงแผนดำเนินการในปี 2559 นี้ว่า มีเป้าหมายจะดำเนินการรื้อถอน และก่อสร้างใน 17 ชุมชน ความยาว 12 กิโลเมตร รวม 2,344 ครัวเรือน แบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ ระยะที่ 1 ดำเนินการช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน จำนวน 3 ชุมชน คือ 1.ชุมชนวังหิน 2.ชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ 54 และ3.ชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา (เชิงสะพานไม้ 2) รวม 353 ครัวเรือน โดยพล.อ.ประวิตร จะเป็นประธานในพิธียกเสาเอกและตอกเสาเข็มก่อสร้างเขื่อนอย่างเป็นทางการ ณ ชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ 54 ในวันที่ 7 เมษายนนี้ และคาดว่าจะสามารถส่งมอบบ้านริมคลองชุดแรกให้กับชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา (เชิงสะพานไม้ 2) ได้ 24 ครัวเรือนจากทั้งหมด 206 ครัวเรือนภายในเดือนพฤษภาคมนี้

ระยะที่ 2 ดำเนินการช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน จำนวน 7 ชุมชน คือ 1.ลาดพร้าว 80 2.ริมคลองลาดพร้าวประชาอุทิศ 3.ชุมชนกศบ.หมู่ 5 4.ชุมชนเพิ่มสินร่วมใจ ซึ่งได้รับมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุเพื่อที่อยู่อาศัยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 5.ชุมชนหลังกรมวิทยาศาสตร์ 6.ชุมชนร่วมมิตรแรงศรัทธา และ7.คลองบางเขน รวม 998 ครัวเรือน
และระยะที่ 3 ช่วงดำเนินการช่วงเดือนกรกฎาคม จำนวน 7 ชุมชน คือ 1.ชุมชนหลังซอยแอนแนกซ์ 2.ชุมชนประชานุกูล 3.ชุมชนลาดพร้าว 45 4.ร่วมใจพิบูล 2 5.หลังโรงเรียนไทย-ญี่ปุ่น 6.ชุมชนบึงพระรามเก้าพัฒนา และ7.ชุมชนบึงพระรามเก้า (ปากคลองลาดพร้าว) รวมทั้งสิ้น 993 ครัวเรือน

ขณะที่แผนการดำเนินการต่อเนื่องจากปี 2559- 2560 นั้น มี 23 ชุมชน 2,940 ครัวเรือน ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินกระบวนการต่างๆ อาทิ ชุมชนจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ ออกแบบวางผังชุมชน เสนอของบประมาณ ขออนุญาตแบบก่อสร้าง รวมถึงวางแผนรื้อ ย้าย หาพื้นที่รองรับและเตรียมพื้นที่ เป็นต้น ดังเช่น ชุมชนสายไหมพัฒนา ชุมชนพัฒนาหมู่ 1 ชุมชนพัฒนาหมู่ 2 เลียบคลองสอง และชุมชนพหลโยธิน 46 เป็นต้น สำหรับการดำเนินโครงการครั้งนี้ เป็นการปรับปรุงในที่ดินเดิมจำนวน 37 ชุมชน รวม 6,058 ครัวเรือน ย้ายและซื้อที่ดินใหม่ 6 ชุมชน รวม 1,256 ครัวเรือน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,146 วันที่ 7 - 9 เมษายน พ.ศ. 2559