ฟิทช์ยังมองลบหลังไร้JAS เหตุ 3 รายแข่งเดือด ไม่สะเทือนเรตติ้ง AIS -DTAC

26 มี.ค. 2559 | 05:00 น.
ฟิทช์ เรทติ้ง ยังมองลบอุตฯโทรคมนาคมไทย เหตุธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังแข่งขันรุนแรงแม้ไม่มีแจ๊ส โมบาย คาด 3 รายยังทุ่มลงทุนขยายเครือข่ายรวม 8 หมื่นล้าน ขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต AIS และ DTAC ยังมีเสถียรภาพ สะท้อนมุมมองสถานะทางการตลาดแข็งแกร่งใน 2-3 ปีข้างหน้า

รายงานข่าวจากฟิทช์ เรทติ้งส์ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2559 ระบุว่า การที่บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด หรือ แจ๊ส โมบาย ไม่สามารถเข้ามาเป็นผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายที่ 4 ของไทย ไม่น่าจะทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมลดลงอย่างมากในปี 2559 ผู้ประกอบการรายเดิม 3 รายใหญ่น่าจะยังคงใช้กลยุทธ์ในการแข่งขันที่รุนแรง เพื่อเพิ่มหรือปกป้องส่วนแบ่งทางการตลาดของตัวเอง

ฟิทช์ยังคงมีมุมมองในแง่ลบต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยในปี 2559 เนื่องจากฟิทช์คาดว่าฐานะการเงินของผู้ประกอบการจะอ่อนแอลง จากการแข่งขันที่สูงขึ้น อัตราการเติบโตของรายได้ที่อยู่ในระดับต่ำ และเงินลงทุนที่สูงขึ้นสำหรับการขยายเครือข่ายและลงทุนในคลื่นความถี่

ฟิทช์คาดว่าการแข่งขันในอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยในปี 2559 จะมีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการจะแข่งขันด้านราคาค่าใช้บริการและส่วนลดค่าเครื่องที่มากขึ้น ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (บมจ.) หรือ ทรู โมบาย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่อันดับที่ 3 มีฐานนะการเงินและสถานะทางการตลาดที่ดีขึ้น และมีเป้าหมายจะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด ในขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่อีก 2 ราย ซึ่งได้แก่ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ AIS (BBB+/AA+(tha)/Stable) และบมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชัน หรือ DTAC (BBB/AA(tha)/Stable) มีเป้าหมายที่จะรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดของตัวเองเอาไว้

การคาดการณ์ของ AIS และ DTAC ซึ่งมีส่วนแบ่งจากรายได้รวมประมาณ 80% ของทั้งอุตสาหกรรม ต่อฐานะทางการเงินที่อาจปรับตัวแย่ลง แสดงให้เห็นว่าธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังคงเผชิญกับความท้าทาย โดย AIS ได้ปรับลดประมาณการณ์อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ต่อรายได้ (EBITDA Margin) ในปี 2559 เพื่อสะท้อนถึงจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการที่ AIS ต้องหยุดการให้บริการเครือข่าย 2G บนคลื่นความถี่ 900MHz เนื่องจากบริษัทไม่สามารถชนะการประมูลคลื่นความถี่ 900MHz ในเดือนธันวาคม 2558 ที่ผ่านมาได้ โดย AIS ต้องเสนอส่วนลดค่าเครื่องโทรศัพท์ เพื่อจูงใจให้ผู้ใช้บริการที่ยังใช้โทรศัพท์ 2G ย้ายไปใช้บริการเครือข่าย 3G ก่อนที่จะหยุดการให้บริการเครือข่าย 2G ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 เมษายน 2559 บริษัทคาดว่า EBITDA Margin จะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 37%-38% ในปี 2559 จาก 45.6% ในปี 2558 ในขณะที่ DTAC คาดว่า EBITDA Margin จะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 27%-30% ในปี 2559 เมื่อเทียบกับ 31.8% ในปี 2558 เพื่อสะท้อนถึงกิจกรรมทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทมีเป้าหมายในการแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทกลับคืนมา

ฟิทช์ยังคงคาดว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ 3 รายเดิมจะยังคงมีการลงทุนเพิ่มขึ้นในการขยายเครือข่าย 3G และ 4G ในปีนี้ โดยมีการลงทุน (ไม่รวมค่าคลื่นความถี่) รวมกันประมาณ 8 หมื่นล้านบาท (2558: 6.5 หมื่นล้านบาท, 2555-2557: 2.7-6.1 หมื่นล้านบาท) มีความเป็นไปได้ที่จะมีการนำคลื่นความถี่ 900MHz ออกมาประมูลอีกครั้งซึ่งอาจทำให้การลงทุนของอุตสาหรรมเพิ่มขึ้นอีกในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ดังนั้นกระแสเงินสดสุทธิ ของผู้ประกอบการส่วนใหญ่น่าจะติดลบ และอัตราส่วนหนี้สินต่อกระแสเงินสดจากการดำนินงาน (Financial Leverage) น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 2 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตามแนวโน้มอันดับเครดิตของ AIS และ DTAC ยังคงมีเสถียรภาพ สะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ว่าสถานะทางการตลาดของผู้ประกอบการทั้ง 2 รายจะยังคงแข็งแกร่งในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า และบริษัทมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงข้างต้นได้ อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งทางการเงินของ AIS และ DTAC น่าจะปรับตัวลดลงในช่วง 2 ปีข้างหน้า ทำให้ความสามารถในการรองรับหนี้สินเพิ่มเติมโดยไม่กระทบต่ออันดับเครดิตปัจจุบันของบริษัท ปรับตัวลดลง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,142 วันที่ 24 - 26 มีนาคม พ.ศ. 2559