LGรุกเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มพรีเมียม ใช้แบรนด์/นวัตกรรมจับตลาดบน
แอลจี เชื่อภาพรวมเศรษฐกิจกำลังซื้อดีขึ้น หลังโหมรุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเกรดพรีเมียม สร้างการเติบโตในปีที่ผ่านมา จ่อนำแบรนด์ใหม่ " LG SIGNATURE" เจาะตลาดบน พร้อมอัดงบ 800 ล้านสร้างกิจกรรมการตลาดต่อเนื่อง แย้มแผนฟื้นธุรกิจมือถือในไทยอีกรอบ
นายซอง แจ คิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแอลจี เผยถึงทิศทางการดำเนินงานของบริษัทในส่วนของประเทศไทยปี 2559 จะเน้นแผนทำตลาดสินค้ากลุ่มพรีเมียมเพิ่มมากขึ้น ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเฉพาะตัวของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทแม่ในประเทศเกาหลี ที่ได้ประกาศแผนธุรกิจในการตอกย้ำการทำงานภายใต้แนวคิดแบรนด์อินโนเวชัน โดยบริษัทมีความเชื่อมั่นในภาพรวมด้านกำลังซื้อที่จะเติบโตดีขึ้น หลังจากปีที่ผ่านมาแม้เศรษฐกิจทั่วโลกและในประเทศจะชะลอตัว แต่บริษัทสามารถสร้างยอดขายเติบโตได้ดี อีกทั้งการรุกตลาดระดับพรีเมียม ถือเป็นกลยุทธ์ในการเน้นตัวสินค้าเป็นจุดเด่นให้ผู้บริโภคสนใจผ่านฟังก์ชันที่รองรับความต้องการเป็นจุดแรก เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันในเรด โซนของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่แข่งขันรุนแรงในเรื่องราคาด้วย
"งาน LG InnoFest 2016 asia ทางบริษัทแม่ได้ประกาศแผนการดำเนินงานพร้อมแผนธุรกิจของปีนี้ไปทั่วโลกแล้ว ภายใต้แนวคิดนวัตกรรมที่ดีกว่า ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ เพื่อเจาะกลุ่มอัลตร้าพรีเมียม ซึ่งประกอบไปด้วยแบรนด์พรีเมียมใหม่ล่าสุดของแอลจี คือ LG SIGNATURE ได้แก่ LG SIGNATURE OLED TV และเครื่องซักผ้า TWIN Wash ซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่มีฟังก์ชันหลากหลาย ซึ่งในส่วนของประเทศไทยอยู่ระหว่างการพิจารณานำเข้ามาทำตลาด ซึ่งหากเปรียบเทียบราคาของ LG SIGNATURE ในกลุ่มตู้เย็นจะแพงกว่ารุ่นธรรมดา 10% ส่วนในกลุ่มทีวี 10-20% "
ขณะที่กลยุทธ์การรุกตลาดพรีเมียมปีนี้ จะเน้นการทำตลาดที่แตกต่างจากคู่แข่ง ผ่านนวัตกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ทั้ง OLED TV , LG SIGNATURE, เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น สำหรับกลุ่มสินค้าเรือธงจะให้ความสำคัญกับสินค้ากลุ่มทีวีหรือ OLED TV ซึ่งจะเปิดตัวซีรีส์ใหม่ช่วงเดือนเมษายน กลุ่มเครื่องปรับอากาศและเครื่องซักผ้าจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ ใช้งบประมาณการตลาด 800 ล้านบาท (ไม่นับรวมกลุ่มธุรกิจมือถือ)ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยเป้าหมายการเติบโตเฉพาะกลุ่มสินค้าพรีเมียมอยู่ที่ 30%
นอกจากนี้เตรียมนำโทรศัพท์มือถือเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง ภายในปีนี้ หลังจากประกาศหยุดทำตลาดในประเทศไทยไปหลายเดือน เนื่องจากปัญหาด้านเทคนิค แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกันระหว่างบริษัทแม่และไทย ในการพัฒนาแผนงานเพื่อกลับมาอีกครั้ง
[caption id="attachment_32358" align="aligncenter" width="333"]
นายนิพนธ์ วงศ์แสงอรุณศรี
ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด[/caption]
ด้านนายนิพนธ์ วงศ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด นอกจากการเจาะตลาดสินค้าในกลุ่มพรีเมียมแล้ว ปีนี้จะให้ความสำคัญกับการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าโครงการต่างๆ (Business to Business) หลังจากที่มีการปรับโครงสร้างองค์กรไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ในการตั้งทีมทำงานด้านลูกค้าโครงการโดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นช่องทางที่มีการเติบโตรวดเร็ว ซึ่งรูปแบบการทำตลาดจะเน้นเจาะตรงกับพาร์ตเนอร์และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายจากช่องทางผู้บริโภคทั่วไป (Business to Customer) 90% และช่องทางลูกค้าโปรเจ็กต์ (Business to Business) 10%
อย่างไรก็ตามปีนี้วางเป้าหมายการเติบในประเทศไทยที่ 15% เป็นสัดส่วนสินค้าที่มาจากสินค้าพรีเมียม 20% ซึ่งกลุ่มสินค้าที่มีมากที่สุด ได้แก่ เครื่องซักผ้า และทีวี กลุ่มตลาดล่าง 50% และกลุ่มตลาดกลาง 30% ขณะที่ตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทยปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตที่ 4-5%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,133 วันที่ 21 - 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
นายซอง แจ คิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแอลจี เผยถึงทิศทางการดำเนินงานของบริษัทในส่วนของประเทศไทยปี 2559 จะเน้นแผนทำตลาดสินค้ากลุ่มพรีเมียมเพิ่มมากขึ้น ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเฉพาะตัวของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทแม่ในประเทศเกาหลี ที่ได้ประกาศแผนธุรกิจในการตอกย้ำการทำงานภายใต้แนวคิดแบรนด์อินโนเวชัน โดยบริษัทมีความเชื่อมั่นในภาพรวมด้านกำลังซื้อที่จะเติบโตดีขึ้น หลังจากปีที่ผ่านมาแม้เศรษฐกิจทั่วโลกและในประเทศจะชะลอตัว แต่บริษัทสามารถสร้างยอดขายเติบโตได้ดี อีกทั้งการรุกตลาดระดับพรีเมียม ถือเป็นกลยุทธ์ในการเน้นตัวสินค้าเป็นจุดเด่นให้ผู้บริโภคสนใจผ่านฟังก์ชันที่รองรับความต้องการเป็นจุดแรก เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันในเรด โซนของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่แข่งขันรุนแรงในเรื่องราคาด้วย
"งาน LG InnoFest 2016 asia ทางบริษัทแม่ได้ประกาศแผนการดำเนินงานพร้อมแผนธุรกิจของปีนี้ไปทั่วโลกแล้ว ภายใต้แนวคิดนวัตกรรมที่ดีกว่า ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ เพื่อเจาะกลุ่มอัลตร้าพรีเมียม ซึ่งประกอบไปด้วยแบรนด์พรีเมียมใหม่ล่าสุดของแอลจี คือ LG SIGNATURE ได้แก่ LG SIGNATURE OLED TV และเครื่องซักผ้า TWIN Wash ซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่มีฟังก์ชันหลากหลาย ซึ่งในส่วนของประเทศไทยอยู่ระหว่างการพิจารณานำเข้ามาทำตลาด ซึ่งหากเปรียบเทียบราคาของ LG SIGNATURE ในกลุ่มตู้เย็นจะแพงกว่ารุ่นธรรมดา 10% ส่วนในกลุ่มทีวี 10-20% "
ขณะที่กลยุทธ์การรุกตลาดพรีเมียมปีนี้ จะเน้นการทำตลาดที่แตกต่างจากคู่แข่ง ผ่านนวัตกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ทั้ง OLED TV , LG SIGNATURE, เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น สำหรับกลุ่มสินค้าเรือธงจะให้ความสำคัญกับสินค้ากลุ่มทีวีหรือ OLED TV ซึ่งจะเปิดตัวซีรีส์ใหม่ช่วงเดือนเมษายน กลุ่มเครื่องปรับอากาศและเครื่องซักผ้าจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ ใช้งบประมาณการตลาด 800 ล้านบาท (ไม่นับรวมกลุ่มธุรกิจมือถือ)ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยเป้าหมายการเติบโตเฉพาะกลุ่มสินค้าพรีเมียมอยู่ที่ 30%
นอกจากนี้เตรียมนำโทรศัพท์มือถือเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง ภายในปีนี้ หลังจากประกาศหยุดทำตลาดในประเทศไทยไปหลายเดือน เนื่องจากปัญหาด้านเทคนิค แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกันระหว่างบริษัทแม่และไทย ในการพัฒนาแผนงานเพื่อกลับมาอีกครั้ง
[caption id="attachment_32358" align="aligncenter" width="333"]
ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด[/caption]
ด้านนายนิพนธ์ วงศ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด นอกจากการเจาะตลาดสินค้าในกลุ่มพรีเมียมแล้ว ปีนี้จะให้ความสำคัญกับการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าโครงการต่างๆ (Business to Business) หลังจากที่มีการปรับโครงสร้างองค์กรไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ในการตั้งทีมทำงานด้านลูกค้าโครงการโดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นช่องทางที่มีการเติบโตรวดเร็ว ซึ่งรูปแบบการทำตลาดจะเน้นเจาะตรงกับพาร์ตเนอร์และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายจากช่องทางผู้บริโภคทั่วไป (Business to Customer) 90% และช่องทางลูกค้าโปรเจ็กต์ (Business to Business) 10%
อย่างไรก็ตามปีนี้วางเป้าหมายการเติบในประเทศไทยที่ 15% เป็นสัดส่วนสินค้าที่มาจากสินค้าพรีเมียม 20% ซึ่งกลุ่มสินค้าที่มีมากที่สุด ได้แก่ เครื่องซักผ้า และทีวี กลุ่มตลาดล่าง 50% และกลุ่มตลาดกลาง 30% ขณะที่ตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทยปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตที่ 4-5%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,133 วันที่ 21 - 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559