ท็อปแวลูฯประกาศทุ่ม100 ล้าน รุกตลาดช็อปปิ้งออนไลน์/เล็งคลอดแอพ ก.พ.นี้

15 ม.ค. 2559 | 09:00 น.
ท็อปแวลู ช็อปปิ้งออนไลน์สัญชาติไทย เดินหน้าเปิดเกมรุกตลาดออนไลน์ สนองพฤติกรรมผู้บริโภคสินค้ายุคดิจิตอล เตรียมเปิดแอพ รองรับช็อปผ่านมือถือ/การเติบโต 4 จี พร้อมทุ่มทุนเพิ่ม 100 ล้านบาท เสริมทัพสินค้าคุณภาพ การันตีสินค้าแท้ จัดส่งไว เพิ่มบริการแบบครบวงจรตรงใจลูกค้า ลั่นชิงส่วนแบ่งตลาดช็อปปิ้งออนไลน์ไทย ตั้งเป้ารายได้ครึ่งปี 59 เพิ่ม 40 ล้านบาทต่อเดือน

นายธนากร แซ่ลิ้ม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท็อปแวลู คอร์ปอเรท จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-คอมเมิร์ซ www.topvalue.com ในรูปแบบอี-มาร์เก็ตเพลส เปิดเผยว่าในปี 2559 ที่ถือเป็นปีที่ 2 ของการให้บริการ ท็อปแวลูได้เตรียมเงินลงทุนไว้แล้ว กว่า 100 ล้านบาทแบ่งเป็นงบพัฒนาระบบและงบการตลาดในปี 2559 พร้อมรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ( AEC) ที่จะมีการแข่งขันทางด้านการตลาดสูงขึ้น ทั้งด้านการสื่อสารและตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้ารุ่นใหม่ที่นิยมใช้อุปกรณ์สื่อสารทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเลตมากขึ้น

และเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าบริษัทได้เตรียมเปิดตัวแอพพลิเคชัน topvalue.com ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งแอพพลิเคชันดังกล่าวรองรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และ ไอโอเอส นอกจากนี้ยังมองว่าการเปิดให้บริการ 4จี ที่ทำให้บริการอินเตอร์เน็ตมีความเร็วสูงขึ้นในปีนี้ ซึ่งท็อปแวลูมั่นใจว่าจะมียอดการช็อปปิ้งออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟนและแท็บเลตเพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนประมาณ 50 % จากเดิมที่ส่วนใหญ่มาจากพีซี

"พฤติกรรมลูกค้าช็อปปิ้งออนไลน์ปัจจุบันที่เห็นหลักๆ คือคนใช้มือถือตลอดเวลาและเลือกซื้อของผ่านมือถือมากขึ้น เมื่อเห็นสินค้าถูกใจก็ซื้อเลยราคาจึงอาจไม่ใช่เหตุผลหลักสำคัญ ปัจจุบันท็อปแวลูประสบความสำเร็จในขั้นที่น่าพอใจกับยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์เฉลี่ย 15,000-20,000 คน/วัน และมียอดทำธุรกรรมการซื้อขายคิดเป็น 3% หรือ 450 ออร์เดอร์ ของจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ต่อวัน และมีจำนวนร้านค้าที่เข้ามาเปิดกับท็อปแวลูกว่า 1,500 ร้านค้า ถือว่าผลตอบรับน่าพอใจ ในปี 2559 จะเป็นก้าวสำคัญที่จะไต่ระดับยอดการซื้อขายไปสู่ 200 ล้านบาท ภายในไตรมาส 2 โดยตั้งเป้ายอดผู้เข้าชมเว็บไซต์เฉลี่ย 60,000 – 70,000 คน/วัน หรือ 2 ล้านคน/เดือน และตั้งเป้ายอดทำธุรกรรมซื้อขายเพิ่มเป็น 7% พร้อมจำนวนร้านค้าที่เข้ามาเปิดกับเราเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าตัว ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 40 ล้านบาท จากเดิมปีที่ผ่านมามียอดขายเฉลี่ยต่อเดือน 10 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจปีนี้ที่ทรงตัว ไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจอี-คอมเมิร์ซแต่อย่างใด ในทางกลับกันยังมองว่าธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ จะเติบโตขึ้นสวนกระแสเศรษฐกิจอีกด้วย"

อย่างไรก็ตามในส่วนของป๊อปอัพสโตร์ ท็อปแวลูยังคงให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากท็อปแวลูเป็นช็อปปิ้งออนไลน์เจ้าแรกในประเทศไทยที่แตกไลน์มาเป็นออฟไลน์ด้วย เพื่อการเข้าถึงของลูกค้าและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ ซึ่งตั้งอยู่บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สยามสแควร์ เพื่อเปิดเป็นจุดศูนย์กลางในการรับสินค้าและสั่งซื้อสินค้า ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายที่ทำธุรกรรมผ่านทางหน้าเว็บไซต์ www.topvalue.com อีกทั้งยังเป็นหน้าร้านเพื่ออัพเดตสินค้าใหม่ทุกวัน ซึ่งนับเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจให้กับนักช็อปออนไลน์ ที่ต้องการตรวจสอบสินค้าก่อนการตัดสินใจซื้อผ่านหน้าเว็บไซต์และในปีนี้ ท็อปแวลูมีเป้าหมายในการขยายป๊อปอัพสโตร์เพิ่มอีก 2 แห่งคือ สถานีตลาดบางใหญ่ (สายสีม่วง) และ สถานีหมอชิต เป้าหมายในการยึดทำเลที่ตั้งบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสและมั่นใจว่าการเปิดการค้าเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ป๊อปอัพสโตร์จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดของช็อปปิ้งออนไลน์ ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินผ่านไปมาบนสถานีรถไฟฟ้าได้อย่างแน่นอน

ในขณะเดียวกันท็อปแวลูยังมีระบบบริการให้คำปรึกษาเรื่องสินค้าสำหรับผู้ซื้อและผู้ขายผ่านการสนทนาแบบ Live Chat ซึ่งสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าที่สนใจรวมไปถึงการเข้ามาเปิดร้านค้าเป็นของตัวเองได้แบบเรียลไทม์ การรับประกันสินค้า หากไม่ใช่สินค้าแท้คืนเงินให้ 2 เท่าของราคาสินค้า การเปลี่ยนคืนสินค้าได้ใน 7 วัน และซื้อก่อนจ่ายทีหลังแบบเก็บเงินปลายทาง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,122 วันที่ 14 - 16 มกราคม พ.ศ. 2559